หลังจากได้ชมทับหลับภายในตัวปราสาทประธานจบครบแล้ว ในตอนนี้จะพาชมภาพสลักบริเวณภายนอกตัวปราสาทกันครับ
โดยเริ่มจากทับหลังและหน้าบันทิศตะวันตก เมื่อเดินเข้าปราสาทด้านในจะอยู่ทางด้านฝั่งซ้าย เป็นเรื่องราว รามายณะ ตอน พระราม พระลักษณ์ ต้องศรนาคบาศ
หน้าบันและทับหลังในทิศนี้ได้สลักเป็นเรื่องราวและตอนเดียวกัน ซึ่งถือว่าพบเห็นได้ไม่บ่อยนัก สังเกตุที่มุมซ้ายบนจะเห็นภาพบุคคลแผลงศรซึ่งก็คืออินทรชิต [-2-] หลบอยู่ในกลีบเมฆแผลงศรใส่ พระราม และพระลักษณ์ ศรได้แปลงเป็นนาครัดทั้งคู่นอนสงบนิ่ง [-1-] หมู่พลลิงนึกว่าทั้งคู่เสียชิวิตจึงพากันเศร้าโศรกเป็นอันมาก [-3-]
ส่วนหน้าบันตอนนบนเป็นเรื่องราวต่อกัน
เมื่อหนุมานไปตามพระยาสุบรรณ [-4-] มาช่วย โดยพระยาสุบรรณนี้ก็คือพญาครุฑนั่นเองครับ หลายคนคงทราบว่านาคกับครุฑต่างไม่ถูกกันอยู่แล้ว
หลังจากพวกนาคถูกฤทธ์ของพระยาสุบรรณหนีไป พระราม พระลักษณ์ก็ฟื้นกลับมาดังเดิม
ในรามรามเกียรติ์ ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาใหม่ก็มีเรื่องราวที่คล้ายกัน
จะแตกต่างก็เพียงแค่พระลักษณ์ที่ถูกพิษของศรนาคบาศ ซึ่งเป็นเรื่องหลังจากที่ทศกัณฐ์
รู้ว่ากุมภกรรณผู้เป็นน้องถูกพระรามฆ่าตาย ทำให้ทศกัณฐ์โกรธแค้นมาก
จึงสั่งให้อินทรชิตผู้เป็นบุตรผู้ซึ่งมีวิชาแก่กล้าออกไปรบกับพระราม
ส่วนทางฝ่ายพระราม
พิเภกได้ทูลพระรามให้ทราบถึงอินทรชิตผู้มีฤทธิ์ได้นำทัพออกรบ
เห็นควรให้พระลักษณ์นำทัพออกไปต่อกรกับอินทรชิตก่อน
ทั้งสองได้ต่อสู้โดยไม่รู้แพ้ชนะจบพลบค่ำทั้งสองฝ่ายจึงยกทัพกลับ
อินทรชิตได้ทูลทศกัณฐ์เพื่อขอไปทำพิธีชุบศรนาคบาศซึ่งต้องใช้เวลาเจ็ดวันระหว่างนี้จำต้องให้ใครออกไปรบขัดตาทัพไปก่อน
ทศกัณฐ์จึงสั่งให้มังกรกัณฐ์ออกรบแทน
พิเภกผู้มีญาณหยั่งรู้ถึงชัยชนะจึงได้ทราบจึงทูลให้พระรามออกรบในครั้งนี้ จนสุดท้ายพระรามแผลงศรตัดเศียรมังกรกัณฐ์ขาดจนตาย พิเภกได้ทูลพระรามว่าเหตุที่อินทรชิตมิได้นำทัพออกรบเพราะไปทำพิธีชุบศรที่เขาอากาศ ในโพรงไม้โรทัน โดยให้นาคคายพิษใส่ศรถ้าครบเจ็ดวันจะมีพิษร้ายแรงอย่างมาก จำเป็นต้องรีบไปทำลายพิธีโดยต้องใช้หมีไปทำลาย ชามพูวาชซึ่งชาติก่อนเป็นหมีอาสาไปทำลายพิธีและก็สามารถทำได้สำเร็จ
พิเภกผู้มีญาณหยั่งรู้ถึงชัยชนะจึงได้ทราบจึงทูลให้พระรามออกรบในครั้งนี้ จนสุดท้ายพระรามแผลงศรตัดเศียรมังกรกัณฐ์ขาดจนตาย พิเภกได้ทูลพระรามว่าเหตุที่อินทรชิตมิได้นำทัพออกรบเพราะไปทำพิธีชุบศรที่เขาอากาศ ในโพรงไม้โรทัน โดยให้นาคคายพิษใส่ศรถ้าครบเจ็ดวันจะมีพิษร้ายแรงอย่างมาก จำเป็นต้องรีบไปทำลายพิธีโดยต้องใช้หมีไปทำลาย ชามพูวาชซึ่งชาติก่อนเป็นหมีอาสาไปทำลายพิธีและก็สามารถทำได้สำเร็จ
อินทรชิตกลับมาที่สนามรบพบกับวิรุญมุข
ที่รบอยู่กับพระลักษณ์ อินทรชิตแผลศรใส่พระลักษณ์และมวลหมู่ลิง
ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แต่พิเภกเป็นยักษ์เช่นกันจึงไม่ได้รับอันตราย
พิเภกไปทูลพระรามให้แผลงศรพลายวาตไปตามพระยาสุบรรณมาไล่นาค พระลักษณ์จึงฟื้นขึ้นมา
ส่วนหน้าบันด้านบนสุดเป็นเรื่องเรื่องเกี่ยวกับ เรื่องรานารายณ์อวตารในปางที่แปด โดยพระองค์อวตารเป็นพระกฤษณะ คนที่พอทราบเรื่องพระนารายณ์อวตารคงทราบดีว่าพระกฤษณะมีวีรกรรมมากมายครับ แต่ตอนนี้เป็นตอนที่พระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ สังเกตุพระกรด้านซ้ายยกชูขึ้นเหนือหัว
เรื่องราวตอนนี้ก็มีอยู่ว่า พระกฤษณะได้ชักจูงให้คนหันมานับถือเขาโควรรธนะ แทนที่จะนับถือพระอินทร์อย่างที่เคยเป็น มีหรือพระอินทร์จะยอม ยิ่งทำให้พระอินทร์ทรงพิโรธอย่างมาก พระองค์จึงเสกให้มีฝนกรดตกลงมาเจ็ด วันเจ็ดคืน
พระกฤษณะผู้ซึ่งมีฤทธ์มากก็ได้ยกเขาโควรรธนะขึ้น เพื่อมาปกป้องบังฝนกรดแก่ผู้คนและสัตว์เลี้ยงให้ปลอดภัย
เรื่องราวในมหากาพย์ รามายณะยังคงถูกถ่ายทอดบนทับหลังอีกหลายชิ้น ดังเช่น อีกด้านของตัวปราสาทประธาน ทับหลังทิศตะวันออก สลักเป็นตอน พระรามจองถนน โดยเป็นตอนที่พระรามยกทัพไปกรุงกา แต่จำต้องข้ามมหาสมุทธที่ขวางอยู่ อันพระรามเองคงจะข้ามไปไม่ยากครับ มีฤทธ์มากขนาดนั้น แต่เหล่าไพร่ พล ลิงนี่สิ ไม่รู้จะข้ามไปยังไง อันจะให้พวกเหล่าลิงที่มีฤทธ์ วิดน้ำในมหาสมุทธให้แห้ง หรือกระทั่งแปลงเป็นสำเภาใหญ่ พากันข้ามไป แต่ก็เกรงจะเสียเกียรติพระราม ดังนั้นเหล่าเสนาก็เลยตกลงให้ไพร่พลลิงขนหินมาถมมหาสมุทธแทน ดูจะยิ่งใหญ่อลังการสมเกียรติกว่าเป็นแน่แท้ สุดท้ายพระรามก็เห็นด้วย ( แต่ไพร่พล ลิง อาจไม่เห็นด้วยก็ได้ ) พระองค์จึงสั่งให้สุครัพไปจัดการ สุครีพก็ไปสั่งต่อครับ โดยให้นิลพัทคุมลิงฝ่ายเมืองชมพู หนุมานคุมลิงฝ่ายขีดขิน ช่วยกันขนหินไปถมทะเล
เหตุการณ์ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่อย่างนั้นน่ะสิครับ นิลพัทและหนุมาน มีความแค้นฝังหุ่นกันอยู่ เหตุจากหนุมานเคยไปหยามนิลพัทมาก่อน นิลพัทก็เลยคิดจะชำระแค้นกับงานนี้ซะเลย คิดได้ดังนั้นนิลพ้ทฝ่ายขนหินก็ไปขนหินก้อนโตดังภูเขามาสี่ลูก หนุมานฝ่ายรับหิน เห็นก้อนโตมหึมาก็ร้องบอกให้ค่อยๆโยนลงมาทีละลูก มีหรือนิลพัทจะทำตาม ขนมาขนาดนี้หนักก็หนัก พลางก็โยนลงไปทีเดียวสี่ลูกรวด หนุมานก็ฤทธ์มากพอที่จะรับหินเหล่านั้นมาได้ แต่ก็คิดว่าคงโดนนิลพัทเล่นงานเป็นแน่ ก็คิดจะเอาคืน ที่เองข้าไม่ว่า ทีข้าล่ะก็... ว่าแล้วก็เหาะไปขนหินมาบ้าง หนุมานไปหักยอดเขาผูกกับขนมาทุกเส้นครับ เรียกได้ว่าคราวนี้ขนมาเต็มพิักัด ฝ่ายนิลพัทเห็นดังนั้นก็ร้องบอกให้ค่อยๆโยนลงมา แต่หนุมานก็โยนหินทั้งหมดลงมาพร้อมกัน สุดท้ายแล้วก็ตีกันล่ะครับงานนี้ ทั้งสองเข้าลงไม่ลงมือกันพลันวัน
สุครีพพยายามห้ามแต่หามีใครฟังไม่ เรื่องก็เลยไปถึงพระราม พระะรามเห็นว่าทั้งคู่คงทำงานร่ามกันไม่ได้แน่จึงสั่งให้นิลพัทไปรั้งเมืองขีดขิน ส่วนหนุมานก็โดนคาดโทษให้ไปขนหินให้เสร็จภายในเจ็ดวัน ไม่เช่นนั้นโทษถึงชีวิต
ฝ่ายยักษ์เมื่อเห็นพวกลิงกำลังถมทะเล ก็ไปบอกทศกันฐ์ให้ทราบ ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นางสุพรรณมัจฉา ผู้เป็นบุตร ( แม่เป็นปลา ) ไปเกณฑ์เหล่าปลามาขนหินออก คราวนี้พวกขนก็ขนมาถมครับ พวกขนออกก็ขนอยู่ได้น้ำ ไม่เต็มสักที หนุมานเห็นดังนี้นจึงดำลงไปดูจึงรู้สาเหตุ หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉาได้ นางกล้วจึงร้องขอชีวิต และยอมสารภาพ หนุมานจึงบอกให้นางสั่งฝูงปลาไปนำหินกลับมาที่เดิม แต่ด้วยรูปโฉมที่งดงามของนางสุพรรณมัจฉา นางจึงตกเป็นของหนุมานในครานั้น สุดท้ายแล้วการถมทะเลทำถนนก็แล้วเสร็จไปด้วยดี
ทับหลังชิ้นนี้เสียหายโดยหักเป็นสองส่วน อีกทั้งภาพสลักบริเวณตรงกลางเสียหายไปทั้งหมด ส่วนที่เหลือยังพอสังเกตุเห็นรายละเอียดได้ครับ
โดยภาพสลักด้านซ้ายจะเป็นภาพมวลหมู่ลิงขนขินมาถมลงมหาสมุทธเพื่อทำถนน โดยมีเหล่าเสนาลิงคอยสั่งการ
ส่วนทับหลังด้านขวาสลักเป็นรูปลิงกำลังวางหินลงทะเล สังเกตุใต้ทะเลมีภาพสลักรูป สัตว์น้ำนานาชนิด
เหนือทับหลังชิ้นนี้เป็นหน้าบัน ที่ถาพสลักได้ลบเลือนไปมากครับ ยากที่จะระบุรายละเอียดของบุคคลในภาพได้ชัดเจน แต่ก็คาดว่ายังคงเป็นเรื่องราวในมหากาพย์รามายณะ โดยสันนิษฐานว่าเป็นตอนที่พระราม พระลักษณ์รบกับทศกัณฐ์ เราจะพอสังเกตุเหตูเห็นล้อของรถรบของทั้งสองฝ่าย ด้านซ้ายมีภาพบุคคลแผลงศร ซึ่งก็คาดว่าเป็นฝ่ายพระราม พระลักษณ์ [-1-] ทางด้านฝั่งขวามีภาพบุคคลลักษณะคล้ายมีหลายกร แม้เศียรจะไม่เด่นชัด ก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นทศกัณฐ์ครับ ส่วยรายละเอียดอื่นยากที่จะระบุชัดเจน
ตอนต่อไปเรามาติดตามภาพสลักในส่วนที่เหลือของปราสาทประธาน ซึ่งก็จะครบทุกด้านทุกทิศในตอนหน้าครับ
เรื่องราวในมหากาพย์ รามายณะยังคงถูกถ่ายทอดบนทับหลังอีกหลายชิ้น ดังเช่น อีกด้านของตัวปราสาทประธาน ทับหลังทิศตะวันออก สลักเป็นตอน พระรามจองถนน โดยเป็นตอนที่พระรามยกทัพไปกรุงกา แต่จำต้องข้ามมหาสมุทธที่ขวางอยู่ อันพระรามเองคงจะข้ามไปไม่ยากครับ มีฤทธ์มากขนาดนั้น แต่เหล่าไพร่ พล ลิงนี่สิ ไม่รู้จะข้ามไปยังไง อันจะให้พวกเหล่าลิงที่มีฤทธ์ วิดน้ำในมหาสมุทธให้แห้ง หรือกระทั่งแปลงเป็นสำเภาใหญ่ พากันข้ามไป แต่ก็เกรงจะเสียเกียรติพระราม ดังนั้นเหล่าเสนาก็เลยตกลงให้ไพร่พลลิงขนหินมาถมมหาสมุทธแทน ดูจะยิ่งใหญ่อลังการสมเกียรติกว่าเป็นแน่แท้ สุดท้ายพระรามก็เห็นด้วย ( แต่ไพร่พล ลิง อาจไม่เห็นด้วยก็ได้ ) พระองค์จึงสั่งให้สุครัพไปจัดการ สุครีพก็ไปสั่งต่อครับ โดยให้นิลพัทคุมลิงฝ่ายเมืองชมพู หนุมานคุมลิงฝ่ายขีดขิน ช่วยกันขนหินไปถมทะเล
เหตุการณ์ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ไม่อย่างนั้นน่ะสิครับ นิลพัทและหนุมาน มีความแค้นฝังหุ่นกันอยู่ เหตุจากหนุมานเคยไปหยามนิลพัทมาก่อน นิลพัทก็เลยคิดจะชำระแค้นกับงานนี้ซะเลย คิดได้ดังนั้นนิลพ้ทฝ่ายขนหินก็ไปขนหินก้อนโตดังภูเขามาสี่ลูก หนุมานฝ่ายรับหิน เห็นก้อนโตมหึมาก็ร้องบอกให้ค่อยๆโยนลงมาทีละลูก มีหรือนิลพัทจะทำตาม ขนมาขนาดนี้หนักก็หนัก พลางก็โยนลงไปทีเดียวสี่ลูกรวด หนุมานก็ฤทธ์มากพอที่จะรับหินเหล่านั้นมาได้ แต่ก็คิดว่าคงโดนนิลพัทเล่นงานเป็นแน่ ก็คิดจะเอาคืน ที่เองข้าไม่ว่า ทีข้าล่ะก็... ว่าแล้วก็เหาะไปขนหินมาบ้าง หนุมานไปหักยอดเขาผูกกับขนมาทุกเส้นครับ เรียกได้ว่าคราวนี้ขนมาเต็มพิักัด ฝ่ายนิลพัทเห็นดังนั้นก็ร้องบอกให้ค่อยๆโยนลงมา แต่หนุมานก็โยนหินทั้งหมดลงมาพร้อมกัน สุดท้ายแล้วก็ตีกันล่ะครับงานนี้ ทั้งสองเข้าลงไม่ลงมือกันพลันวัน
สุครีพพยายามห้ามแต่หามีใครฟังไม่ เรื่องก็เลยไปถึงพระราม พระะรามเห็นว่าทั้งคู่คงทำงานร่ามกันไม่ได้แน่จึงสั่งให้นิลพัทไปรั้งเมืองขีดขิน ส่วนหนุมานก็โดนคาดโทษให้ไปขนหินให้เสร็จภายในเจ็ดวัน ไม่เช่นนั้นโทษถึงชีวิต
ฝ่ายยักษ์เมื่อเห็นพวกลิงกำลังถมทะเล ก็ไปบอกทศกันฐ์ให้ทราบ ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นางสุพรรณมัจฉา ผู้เป็นบุตร ( แม่เป็นปลา ) ไปเกณฑ์เหล่าปลามาขนหินออก คราวนี้พวกขนก็ขนมาถมครับ พวกขนออกก็ขนอยู่ได้น้ำ ไม่เต็มสักที หนุมานเห็นดังนี้นจึงดำลงไปดูจึงรู้สาเหตุ หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉาได้ นางกล้วจึงร้องขอชีวิต และยอมสารภาพ หนุมานจึงบอกให้นางสั่งฝูงปลาไปนำหินกลับมาที่เดิม แต่ด้วยรูปโฉมที่งดงามของนางสุพรรณมัจฉา นางจึงตกเป็นของหนุมานในครานั้น สุดท้ายแล้วการถมทะเลทำถนนก็แล้วเสร็จไปด้วยดี
ทับหลังชิ้นนี้เสียหายโดยหักเป็นสองส่วน อีกทั้งภาพสลักบริเวณตรงกลางเสียหายไปทั้งหมด ส่วนที่เหลือยังพอสังเกตุเห็นรายละเอียดได้ครับ
โดยภาพสลักด้านซ้ายจะเป็นภาพมวลหมู่ลิงขนขินมาถมลงมหาสมุทธเพื่อทำถนน โดยมีเหล่าเสนาลิงคอยสั่งการ
ส่วนทับหลังด้านขวาสลักเป็นรูปลิงกำลังวางหินลงทะเล สังเกตุใต้ทะเลมีภาพสลักรูป สัตว์น้ำนานาชนิด
เหนือทับหลังชิ้นนี้เป็นหน้าบัน ที่ถาพสลักได้ลบเลือนไปมากครับ ยากที่จะระบุรายละเอียดของบุคคลในภาพได้ชัดเจน แต่ก็คาดว่ายังคงเป็นเรื่องราวในมหากาพย์รามายณะ โดยสันนิษฐานว่าเป็นตอนที่พระราม พระลักษณ์รบกับทศกัณฐ์ เราจะพอสังเกตุเหตูเห็นล้อของรถรบของทั้งสองฝ่าย ด้านซ้ายมีภาพบุคคลแผลงศร ซึ่งก็คาดว่าเป็นฝ่ายพระราม พระลักษณ์ [-1-] ทางด้านฝั่งขวามีภาพบุคคลลักษณะคล้ายมีหลายกร แม้เศียรจะไม่เด่นชัด ก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นทศกัณฐ์ครับ ส่วยรายละเอียดอื่นยากที่จะระบุชัดเจน
ตอนต่อไปเรามาติดตามภาพสลักในส่วนที่เหลือของปราสาทประธาน ซึ่งก็จะครบทุกด้านทุกทิศในตอนหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น